ก่อนที่เราจะเริ่มกู้เงินหรือทำสินเชื่อ สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือความน่าเชื่อถือของตัวเราเอง เพราะความน่าเชื่อถือจะเป็นตัวการันตีกับธนาคารว่าเราจะคืนเงินกู้ได้อย่างครบถ้วน หรือพูดง่าย ๆ ว่าความน่าเชื่อถือเป็นตัวบอกว่าเราจะไม่เบี้ยวธนาคารนั่นเอง
วัดความน่าเชื่อถือด้วย Credit Scoring
ความน่าเชื่อถือที่เรากำลังพูดถึงนี้สามารถวัดได้ด้วยการทำ Credit Scoring หรือการให้คะแนนเครดิต ซึ่งจะวัดและให้คะแนนจากพฤติกรรมการเงินของเราที่ผ่าน ๆ มา ทั้งประวัติการก่อหนี้ และการผ่อนชำระหนี้ โดยภาคการเงินทั้งหลายจะใช้คะแนนตัวนี้ในการตัดสินว่าเรามีวินัยในการชำระหนี้อยู่ในระดับใด
โดยการทำ Credit Scoring ก็จะมีหน่วยงานอย่าง เครดิตบูโร หรือบริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด เป็นผู้รวบรวมข้อมูลบัญชีสินเชื่อและประวัติการชำระสินเชื่อทุกประเภทของเรา เพื่อตีออกมาเป็นคะแนนตั้งแต่ 900-300 คะแนน และแบ่งเกรดจาก AA – HH เรียงจากความน่าเชื่อถือมากที่สุดไปถึงน้อยที่สุด ซึ่งก็แปลว่าหากเรามีคะแนน Credit Score น้อยเท่าไหร่ ก็มีโอกาสที่จะทำสินเชื้อหรือเปิดบัตรเครดิตในครั้งต่อไปได้น้อยเท่านั้น
How to รักษาคะแนนเครดิต ให้การทำสินเชื่อครั้งต่อไปง่ายขึ้น?
- ชำระหนี้ให้ครบถ้วนและตรงเวลา
การชำระหนี้บัตรเครดิตหรือสินเชื่อให้ครบถ้วนและตรงเวลาเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ๆ เพราะความตรงต่อเวลานั้นคิดเป็นสัดส่วน 30 – 40% ของคะแนน Credit Score เลยทีเดียว ซึ่งก็หมายความว่าหากเรามีการผ่อนจ่ายล่าช้าในบางเดือน ก็จะมีผลต่อคะแนนเครดิตโดยรวมได้ ซึ่งเราสามารถตั้งเวลาแจ้งเตือน หรือเปิดรับบริการแจ้งเตือนทาง SMS หรือทางอีเมลจากธนาคารไว้ เพื่อช่วยให้เราชำระหนี้ได้ตรงเวลา
- ลดจำนวนหนี้สิน
ในความเป็นจริง ยิ่งเรามีสินเชื่อหรือการกู้เงินน้อยเท่าไหร่ ก็ยิ่งดีเท่านั้น ซึ่งการให้คะแนนเครดิตก็เป็นไปในเชิงเดียวกัน หมายความว่าถ้าเรามีบัตรเครดิตหลาย ๆ ใบ หรือมีสินเชื่อขนาดใหญ่ เช่น รถ โทรศัพท์มือถือ หรือ โน๊ตบุ๊ค ก็จะส่งผลให้คะแนนเครดิตของเราลดลงได้ โดยเราสามารถเพิ่มคะแนนในส่วนนี้ของตัวเองได้ จากการลดจำนวนบัตรเครดิตที่ใช้ลง หรือทยอยชำระหนี้เดิมให้หมดโดยเร็ว เพื่อลดปริมาณภาระหนี้สินที่มีอยู่
- รวมหนี้ไว้ในที่เดียว
การรวมหนี้ไว้ในที่เดียว หรือที่เรียกกันว่าการรีไฟแนนซ์ (Refinance) ก็คือการก่อหนี้ใหม่มาใช้หนี้เก่า เพื่อย้ายหนี้สินจากหลาย ๆ ธนาคาร หรือหลายบัตรเครดิตมารวมในที่เดียว เพื่อให้ลดดอกเบี้ยที่ต้องเสียต่องวดลง และให้ง่ายต่อการชำระหนี้ในแต่ละครั้งด้วย ซึ่งรวมหนี้สินจากทุกที่มาไว้ในที่เดียวก็จะช่วยเพิ่มคะแนนเครดิตของเราได้ในระดับหนึ่ง
เพียงเท่านี้เราก็จะมี Credit Score ดี ๆ ไว้เป็นหลักประกันความน่าเชื่อถือ เพื่อให้การทำสินเชื่อ หรือทำบัตรเครดิตครั้งต่อไปง่ายขึ้น และยังช่วยให้ตัวเราเองมีวินัยทางการเงินมากขึ้นอีกด้วย
สำหรับผู้ที่สนใจคอนเทนต์ดี ๆ เกี่ยวกับการเงินดิจิทัล เรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่ https://seaacademy.co/program_type/digital-finance-101/