ยุคนี้เทคโนโลยีไม่ได้เป็นเรื่องยากอีกต่อไป ทำให้ไม่ว่าจะคนรุ่นไหนก็กลายเป็นเจ้าของธุรกิจได้ แค่ลองเปิดใจเรียนรู้เรื่องใหม่ ๆ และหาสิ่งที่ตัวเองรักให้เจอ ดังนั้นสำหรับใครที่อยากหารายได้เสริม หรืออยากหาโอกาสดี ๆ ในการเป็นเจ้าของธุรกิจด้วยตัวเอง วันนี้เราจึงนำสาระดี ๆ เกี่ยวกับการเริ่มต้นธุรกิจออนไลน์ ด้วยการเปิดร้านบน Shopee มาฝากกัน
รู้จักตัวเอง และรู้จักสิ่งที่อยากขาย
สิ่งแรกที่ต้องทำก่อนเลยก็คือการเลือกสินค้าที่จะขาย ไม่ว่าจะเป็นสินค้าที่กำลังเป็นกระแส สินค้าขายดี หรือสินค้าที่น่าจะสร้างกำไรให้เราได้ แต่ทั้งหมดทั้งมวลแล้ว การเลือกสินค้าที่ดีที่สุดคือการเลือกสินค้าที่เราสนใจและชอบมันจริง ๆ หากงานอดิเรกของเราคือการถักไหมพรม เราก็อาจจะเลือกขายอุปกรณ์งานประดิษฐ์เป็นหลัก เพราะเมื่อเรารักในสิ่งไหน เราก็จะมีความรู้ความเข้าใจในเรื่องดังกล่าวมากเท่านั้น ซึ่งความเข้าใจนี้เองจะทำให้เราสามารถหาสินค้าคุณภาพ หาแหล่งค้าส่งที่ดี และตอบคำถามลูกค้าได้ตรงจุดมากขึ้น
เมื่อเรามีของที่อยากขายแล้ว ประเด็นต่อมาที่ควรจะให้ความสนใจก็คือ การค้นหากลุ่มคนที่จะเป็นลูกค้าของเรา แล้วพยายามทำความเข้าใจพวกเขา ทั้งเรื่องพฤติกรรมและความต้องการ เพื่อให้เราสามารถหาสินค้าที่เหมาะสมและตอบโจทย์กับลูกค้าได้มากที่สุด เช่น เราหากต้องการขายเครื่องใช้ภายในบ้าน ก็อาจจะต้องมองดูว่าช่วงนี้ลูกค้ากำลังสนใจอุปกรณ์ประเภทไหน หรือมีนวัตกรรมอะไรใหม่ๆ ที่น่าสนใจ หรือทำให้การทำงานบ้านของพวกเขาง่ายขึ้นบ้าง ซึ่งเราก็สามารถระบุกลุ่มลูกค้าให้ลึกลงไปได้อีก เช่น อุปกรณ์ในบ้านสำหรับเด็กหอ หรืออุปกรณ์ในบ้านสำหรับพนักงานออฟฟิศ เป็นต้น เพื่อช่วยในการสรรหาสินค้าที่เหมาะกับความต้องการของพวกเขา
ประเด็นสุดท้ายที่สำคัญไม่แพ้กัน คือการศึกษาตลาด โดยการวิเคราะห์คู่แข่ง มองหาจุดแข็งจุดอ่อนของตัวเรา รวมไปถึงการมองหาโอกาสใหม่ๆ และวางแผนป้องกันอุปสรรค์ที่อาจเกิดขึ้น เช่น หากเราสนใจจะขายผักออแกนิค เราก็ควรวิเคราะห์ว่าผักของเรามีจุดเด่นเรื่องความสดใหม่ แต่อาจมีจุดด้อยเรื่องราคาเมื่อเทียบกับเจ้าอื่นๆ และในอนาคตอาจเจอปัญหาเรื่องการขนส่ง เป็นต้น ซึ่งการเรียนรู้ตลาดมันก็เหมือนการรู้เขารู้เรา ที่จะช่วยเพิ่มความสามารถด้านการแข่งขัน ให้เรามีแต้มต่อมากกว่าร้านอื่นๆ
ดังนั้น แล้วก่อนจะเริ่มเปิดร้านหรือธุรกิจอะไร สิ่งที่เราควรจะรู้จักดีที่สุดก็คือความสนใจและความชอบของตัวเราเองก่อน จากนั้นค่อยขยายเป็นการทำความเข้าใจผู้ชื้อ และทำความเข้าใจตลาด เพื่อให้ธุรกิจของเราเติบโตไปได้อย่างดี คนขายมีความสุข คนซื้อแฮปปี้นั้นเอง
รู้เคล็ดลับเปิดร้านออนไลน์
เมื่อเรามีสิ่งที่อยากขายแล้ว ขั้นตอนต่อไปก็คือการคิดจุดขายหรือเอกลักษณ์ของร้าน ไม่ว่าจะเป็นชื่อร้าน โลโก้ร้าน และการตั้งชื่อสินค้า ที่จะช่วยให้ลูกค้าสามารถค้นหาร้านของเราได้ง่ายขึ้น ดังต่อไปนี้
- วิธีตั้งชื่อร้านให้น่าสนใจ
ชื่อร้านเป็นอีกหนึ่งสิ่งสำคัญ เพราะจะช่วยสร้างตัวตนให้กับร้านของเรา ซึ่งชื่อร้านค้าที่ดีจะต้อง “จดจำง่าย-อ่านออก-น่าเชื่อถือ” เพื่อดึงดูดความสนใจและทำให้ลูกค้าจำร้านของเราได้ง่ายขึ้น ซึ่ง Shopee ก็มีคำแนะนำเรื่องการตั้งชื่อร้านค้าไว้ดังนี้
- ตั้งชื่อร้านค้าอย่างน้อย 5 ตัวอักษร แต่ไม่เกิน 30 ตัวอักษร
- เลี่ยงการตั้งชื่อร้านค้าซ้ำที่มีอยู่บน Shopee แล้ว
- เลี่ยงคำว่า Shopee ในการตั้งชื่อร้านค้า
- เลี่ยงการใช้ตัวเลขเพียงอย่างเดียว หากต้องการให้มีตัวเลข ควรมีตัวอักษรประกอบด้วย
- เลี่ยงการใช้สติกเกอร์หรือตัวอักษรพิเศษ เช่น เครื่องหมายดอกจัน หรือ วรรคตอน
- เลี่ยงการใช้คำที่ละเมิดลิขสิทธิ์ คำไม่สุภาพ คำก้าวร้าว และคำที่มีความหมายสุ่มเสี่ยง
- สำหรับเจ้าของแบรนด์ สามารถใช้เครื่องหมายแบรนด์ หรือตั้งชื่อ ร้านค้าแบรนด์ของท่านได้โดยมีเอกสารประกอบตามที่ Shopee กำหนด
- เลี่ยงการใช้ชื่อรายการสินค้าในร้าน ข้อมูลส่วนตัว โปรโมชัน เวลาเปิด-ปิด หรือลิงค์ของเว็บไซต์อื่น
- ออกแบบโลโก้ร้านแบบไหนดี?
โลโก้เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ทำหน้าที่คล้าย ๆ กับชื่อร้าน ช่วยให้ลูกค้าสามารถจดจำเราได้ผ่านภาพ ซึ่งโลโก้ก็มีทั้งแบบที่เป็นภาพหรือไอคอน และแบบที่เป็นตัวอักษรดัดแปลงมาจากชื่อร้าน โดยโลโก้ที่ดีจะต้องมีสีหลักหนึ่งสีเพื่อให้ลูกค้าจดจำได้ง่าย มีรูปภาพที่สื่อถึงสินค้าหรือกลุ่มลูกค้าของเรา และควรจะเป็นภาพที่เรียบง่าย จำได้ตั้งแต่แรกเห็น
- ตั้งชื่อสินค้าและเขียนคำบรรยายให้น่าสนใจ
ชื่อสินค้าจะช่วยให้ลูกค้าค้นหาสินค้าของเราได้ง่ายขึ้น และช่วยดึงดูดลูกค้าได้อีกทางหนึ่ง ซึ่งชื่อสินค้าที่ดีนั้นไม่ควรมีสัญลักษณ์ อีโมจิ หรือแฮชแท็ค ควรเลี่ยงการใช้คำที่ไม่เกี่ยวข้อง และหากชื่อสินค้าเป็นภาษาอังกฤษ ก็ไม่ควรใช้ตัวพิมพ์ใหญ่ทั้งหมด เพื่อให้ง่ายต่อการค้นหาและอ่านได้สะดวก
รู้ขั้นตอนการเปิดร้านบน Shopee
เมื่อเรามีสินค้าที่อยากขาย ชื่อร้านที่ถูกใจ และโลโก้ที่คู่ควรแล้ว อันดับต่อไปก็คือการลงทะเบียนร้านค้านั่นเอง ซึ่งการลงทะเบียนร้านค้าบน Shopee ก็ทำได้ง่ายมาก ๆ เพียงแค่มีโทรศัพท์สมาร์ทโฟนสักเครื่อง เข้าแอปพลิเคชัน Shopee แล้วทำตามขึ้นตอนต่อไปนี้ได้เลย
- ไปที่หน้า ‘ฉัน’
- เลือก ‘เริ่มการขาย’
- แตะ ‘สร้างบัญชีผู้ขาย’
- กรอกข้อมูลร้านค้าให้ครบทุกช่อง
- ชื่อร้านค้า: กรอกชื่อร้านค้า (ไม่เกิน 30 ตัวอักษร)
- ที่อยู่ในการเข้ารับสินค้า: แตะ ‘ตั้งค่า’ เพื่อกรอกที่อยู่ที่ต้องการให้เข้าไปรับสินค้าในการขนส่ง
- อีเมล: กรอกอีเมลที่ผูกกับร้านค้า
- หมายเลขโทรศัพท์
- เมื่อกรอกรายละเอียดทุกอย่างเรียบร้อย ให้แตะ ‘ยืนยัน’
รู้ขั้นตอนการลงสินค้าบน Shopee
ขั้นตอนสุดท้ายก่อนที่ร้านค้าของคุณจะเปิดขายบน Shopee ได้ ก็คือการลงสินค้าพร้อมรายละเอียดให้ครบถ้วน ซึ่งสามารถทำได้ง่ายภายในไม่กี่คลิกเช่นกัน เพียงทำตามขั้นตอนดังนี้
- ไปที่หน้า ‘ร้านค้าของฉัน’
- หาเมนู ‘สินค้าของฉัน’
- กด ‘เพิ่มสินค้าใหม่’
- แตะ ‘เพิ่มรูปภาพ’ แล้วเลือกช่องทางการอัปโหลดภาพ
- เลือกภาพที่ต้องการอัปโหลด แล้วกดตกลง หากต้องการอัปโหลดเพิ่มให้แตะ ‘เพิ่มรูปภาพ/วิดีโอ’
- กรอกข้อมูลสินค้าให้ครบทุกช่องเรียบร้อย ตัวอย่างเช่น
- ชื่อสินค้า: สร้อยข้อมือลูกปัด
- รายละเอียดสินค้า: สร้อยข้อมือลูกปัด ปรับความยาวได้ขนาดเริ่มต้นที่ 20 ซม. มี 4 สีให้เลือก
- หมวดหมู่: แตะที่ ‘หมวดหมู่’ เพื่อเลือกหมวดสินค้า ทั้งหมวดหลัก และหมวดย่อย เช่น เครื่องประดับ > กำไลข้อมือ เป็นต้น
- ตัวเลือกสินค้า: แตะเพิ่มตัวเลือกสินค้า (ถ้ามี) เพื่อให้ลูกค้ากดเลือกสี หรือขนาด โดยสามารถแตะเลือกที่ ‘แก้ไข’ เพื่อ ‘ลบ’ หรือ ‘เพิ่ม’ ตัวเลือกได้
- ราคา: เพื่อกรอกราคาขาย
- คลัง: เพื่อกรอกจำนวนสต็อกสินค้าที่พร้อมขาย
- ค่าจัดส่ง: แตะเพื่อกรอกน้ำหนักสินค้า ขนาดของกล่องบรรจุสินค้า (กว้างxยาวxสูง) และประเภทการจัดส่งที่มีให้ลูกค้าเลือก เรียบร้อยแล้วกด ‘บันทึก’
- กด ‘บันทึก’ เพื่อบันทึกไว้ก่อน เผื่อแก้ไขหรืองในภายหลัง หรือกด ‘ลงขาย’ เพื่อเริ่มจำหน่าย
สำหรับใครที่กำลังสนใจการขายออนไลน์ และอยากลองทำธุรกิจของตัวเองดู ก็สามารถมาศึกษาเทคนิคและวิธีการดี ๆ เริ่มต้นปั้นธุรกิจใหม่ให้เติบโตได้ที่ Shopee
อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://seaacademy.co/wp-content/uploads/2022/06/course-1642156703.pdf